ท่ามกลางสถานการณ์ของโลกที่สับสน ขณะที่เขียนต้นฉบับอยู่นี้ยังไม่มีใครรู้ว่าสงครามจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่
บางคนสนับสนุน บางคนต่อต้าน มีการถกเถียงว่าสงครามนี้เป็นผลดีหรือผลเสียในระยะยาวกับใครและอย่างไร?
เบื้อง หลังคือ "น้ำมัน" หรือไม่? ผมถกเรื่องเหล่านี้กับ James และ Pete
สอง flatmate ของผมชาวอังกฤษ มาได้พอสมควรแล้ว เขาบอกกันว่าคุยกับเพื่อนไม่ควรคุยกันเรื่องการเมือง
ศาสนา แต่บ้านเราก็คุยกันประจำครับ แล้วเขาก็บอกอีกว่าไม่ควรคุยกันแล้วมีเหล้าเป็นเครื่องชูรส
เพราะอาจจะทำให้ขาดสติได้ ซึ่งผมก็เห็นด้วยอีกนั่นแหละ แต่สำหรับเรา Glenlivet
18-year-old ก็หอมเย้ายวนเกินกว่าที่จะไม่ดื่มมัน
ด้วยสีที่เหลืองทองอร่ามราวกับน้ำผึ้งมีประกาย กลิ่นที่หอมราวกับดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมหวาน
ผสมกับกลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์ ทำให้พวกเราอดใจไม่ได้ที่จะดื่มมันหลังอาหารเย็น
เนื่องจากประสบการณ์ ที่ผ่านมาทำให้เรารู้ว่ามันเบา และลื่นคอขนาดไหน เมื่อแตะลิ้นจะรู้สึกได้ดื่มรสหวานจากดอกไม้แล้วก็จะค่อยๆ
รู้สึกถึงรสลื่นคล่องคอและสดชื่น ของลูกพีช หลังจากลงคอไปแล้วจะรู้สึกแห้งที่ลิ้น
รสชาติยังหลงเหลือให้รู้สึกและนึกถึงความหวานและหอมของเหล้า
Glenlivet 18 เป็น Single malt whisky ของทาง Speyside ที่ไม่หนักเกินไปครับ
เหมาะกับการดื่มเป็น Aperitif and drink after meal อย่างมาก แต่ถ้าท่าน
ผู้อ่านคิดว่าน่าจะหนักไปเปลี่ยนมาทาน Glenlivet 12 ก็ได้นะครับ จะเบาๆ กว่า
หวานมีกลิ่นวานิลา หน่อยๆ ที่เขียนไม่ได้เงินจาก Glenlivet นะครับ แต่เผอิญอยาก
จะแนะนำให้ท่านผู้อ่านที่เพิ่งเริ่มเล่น Single-malt ลองดูเพราะค่อนข้างจะเป็นตัวที่น่าลอง
ทานง่าย แล้วคนส่วนมากก็จะชอบจริงๆ และ Glenlivet นี้ก็เจ้าของเดียวกับ Chivas
ครับ (Seagram) อยากหาข้อมูลเพิ่มเติมก็ดูได้ที่ www.theglenlivet.com นะครับ
จริงๆ แล้วผมก็อารัมภบทยาวไป เผอิญติดลมบรรยายถึงรสชาติมากไปหน่อยครับ
เนื้อหาของฉบับนี้ คือ Whisky พอเขียนเรื่องนี้ไปก็คงจะติดลม คาดว่ากว่าจะจบก็อีก
3-4 ฉบับนะครับ
เมื่อพูดถึง Whisky คนก็จะพูดถึงสกอตแลนด์ขึ้นมาทันที จนบ้านเราตั้งชื่อสกอตแลนด์ว่าเป็นเมืองน้ำเมา
เมื่อตอนที่ผมมาเรียนที่สกอตแลนด์ครั้งแรก ประมาณสี่ปีที่แล้ว
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่อยากรู้เรื่อง Whisky จากถิ่นที่ เป็นเจ้าตำรับ พอเข้าไปชมรม
Whisky ของมหาวิทยาลัย จึงได้รู้ว่า Whisky มาจากไอร์แลนด์ไม่ใช่สกอตแลนด์
(Irish Whisky ซึ่งก็อร่อยเหมือนกัน เช่น Jameson ครับ) แต่จะด้วยนิสัยของคนที่นี่รึเปล่าไม่ทราบ
Whisky จึงแพร่หลายที่นี่ แล้วชื่อเสียงของ Scotch Whisky จึงโด่งดังไปทั่วโลก
ตอนที่ผมเข้าชมรมใหม่ๆ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า Single malt คืออะไร ท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะยังงงๆ
อยู่เหมือนกันว่า Blended กับ Single malt ต่างกัน ยังไง มาพูดถึงชนิดของ
whisky กันดีกว่านะครับ
Scotch Whisky มีสองแบบ (ขอเน้นว่า Scotch นะครับ มาจากสกอตแลนด์ได้อย่างเดียว
Whisky สะกด อย่างนี้สำหรับ Whisky ของที่นี่ ขณะที่ถ้าเป็นของที่อื่น ควรจะสะกดว่า
Whiskey)
1) Malt Whisky มาจากการหมัก malt ข้าว Barley แล้วกลั่นในหม้อทองแดง (copper
pot still)
2) Grain Whisky มาจากการผสม grains แล้ว กลั่นไปเรื่อยใน patent still
แล้ว Blended ล่ะคืออะไร? Blended คือการเอา Grain Whisky มาผสมกับ Malt
Whisky (ประมาณ 95% ของ Malt Whisky ที่ผลิตเอามาใช้ผสมเป็น Blended ในขณะที่
99.99% ของ Grain Whisky เอามา ใช้กับ Blended) ตัวอย่างของ Blended Whisky
คือที่ บ้านเราฮิตๆ ดื่มกันนั่นแหละครับ พวก Johnny Walker red label, black
label, blue label ทั้งหลาย เป็นต้น
ถามว่าแต่ละ label ต่างกันยังไง? red label ก็ จะมี grain whisky ผสมเยอะหน่อย
มี Single malt อายุ 8-12 ปีอยู่บางชนิด black label จะมี Single malt ที่มีอายุมากกว่านั้น
หลายชนิดผสมอยู่ แล้วก็ grain น้อยหน่อย ขณะที่ blue จะมีการผสม Single malt
ระดับสุดยอด 15-30 ปีที่มีรสชาติลุ่มลึกเด่นๆ หลายชนิด ผสมกัน ทำให้รสออกมากลมกลืนน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
คนที่นำการ blend ก็คือ Master Blend ครับ (ไม่ใช่ยี่ห้อ Whisky บ้านเราอันนั้นนะครับ
แต่เป็นคนผสมสูตรที่ต้องมี sense ในการดมและการชิม Whisky ระดับเซียน)
อย่างไรก็ตาม คนในสกอตแลนด์นี้ก็ถือว่า Single Malt Whisky นี้เป็นที่สุดของที่สุดแล้ว
เป็นที่ที่ pure ที่สุด มีรสชาติที่ซับซ้อนโดดเด่น เขาจะมองว่า Blend เป็นรวมมิตรครับ
เมื่อรวมหลายๆ อย่างมาจะสู้ของจริง เดี่ยวๆ ไม่ได้ แล้วแต่คนนะครับ นานาจิตตัง
จริงๆ ผมก็ชอบ Blend อย่าง Blue lable เหมือนกัน (ติดที่แพงไปหน่อย)
แต่โดยรวมแล้ว ผมชอบ Malt มากกว่า Malt นี่ก็แบ่งเป็นหลายแบบ มี Vatted
Malt (คือการเอา Malt ของหลายโรงกลั่นมาผสมกัน) Single Malt (มาจากโรงกลั่นเดียว)
Single Cask Malt (มาจากถังเก็บบ่มหรือ cask อย่างเดียว)
สำหรับผมแล้ว Single Malt กับ Single Cask ราคาจะแพงกว่า Vatted แล้วก็จะน่าสนใจมากกว่า
เดี๋ยวนี้ก็มีคนสนใจ Malt กันมากขึ้น มีคนเอาไปลองทาน กับอาหารมากขึ้น เช่น
sushi เอาไปใช้ดื่มเข้ากับสูบ cigar มีคนเก็บสะสม Single Malt ดีๆ มากขึ้น
(โดยเฉพาะพวกญี่ปุ่น จ่ายกันเป็นล้าน) กลายเป็นของมีรสนิยมไป Single Malt
ก็เหมือนไวน์ล่ะครับ ในแง่ที่ว่า ยิ่งเก่ายิ่งแพง ไม่ยากครับที่จะซื้อเหล้า
Whisky Single Malt ดีๆ แพงๆ (เหมือนไวน์) ถ้าคนมีเงิน
แต่สำหรับคนดื่มเป็นแล้ว ของดีไม่ใช่ของแพงหรือเก่าเสมอไปนะครับ แล้วแต่
taste ความชอบและรสนิยมของคุณเอง ฉบับหน้ามาว่ากันต่อเรื่องวิธีการชิม และเกร็ดต่างๆ
ของ whisky ต่อครับ