|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
สมาคมขายตรง อวดยอดขาย 7 เดือนแรก ธุรกิจมีเม็ดเงินสะพัด 43,000 ล้านบาท โตติดอันดับ 13 ของโลก ชี้เทรนขายตรงแรงสวนเศรษฐกิจส่งยาวอัตราการเติบโตสิ้นปีไม่ต่ำกว่า 10%
นางชุมพฤนท์ ยุระยง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท แอมเวย์(ประเทศไทย)จำกัด อนุกรรมการฝ่ายการศึกษา และฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาคมการขายตรงไทย (TDSA) เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจขายตรงในประเทศไทยช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก มูลค่าตลาดรวมธุรกิจขายตรงไทยสามารถมียอดรายได้สูงถึง 43,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเม็ดเงินสะพัดที่มากเป็นอันดับ 13 เมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจขายตรงทั่วโลกที่มีมูลค่าต่อปี 102.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงมากถึง 60 ล้านคนทั่วโลก ทั้งนี้เมื่อดูจากตัวเลของธุรกิจนี้สามารถเติบโตได้อีกมาก กระแสขายตรงแรงสอดรับกับภาสภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
ปัจจุบัน ธุรกิจขายตรงสามารถรองรับกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดีพอสมควร การขยายตัวของธุรกิจขายตรงสามารขยายตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็วและพบว่าสามารถมีการเติบโตและรายได้ติดอันดับ 13 ของโลก (ข้อมูลมาจากสมาคมขายตรงไทย) และดูจากกลุ่มสินค้ามูลค่าตลาดที่มีการเติบโตในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์แบ่งเป็น Beauty 14.6 พันล้านบาท Health 10.34 พันล้านบาท Daily Use 4.47 ล้านบาท Home Care 2.64 พันล้านบาท Other 4.66 พันล้านบาท และแบ่งออกเป็นจำนวนขายตรงอิสระของธุรกิจขายตรงไทย อ้างอิงจากข้อมูลในปี 2004 มีสมาชิก4.02ล้านคน ในขณะที่นักขายตรงอิสระ 2 .52 ล้านคน และปี2005 จำนวนสมาชิก พุ่งขึ้น6.16ล้านคน นักขายตรงอิสระก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน 3.75ล้านคน
ทั้งนี้นอกจากการติดอันดับยอดขายดีจากการขายทั่วโลกแล้ว เทรนของการขายตรงในไทยยังมีการปรับตัวและสอดรับกับการแข่งขันที่มากขึ้นอยู่ตลาดเวลาทำให้ตลาดมีความคึกคักอยู่ตลอดเวลา การใช้สื่อทางโฆษณามีมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสื่อดังกล่าวเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เร็วและสามารถสร้างความจดจำในใจลูกค้าส่งต่อให้ลูกค้ามีรอยัลตี้ต่อแบรนด์ได้เพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับ 10 ปี ที่ผ่านมาลักษณะธุรกิจขายตรงส่วนใหญ่จะขายเน้นตัวแทนขายอิสระเข้าตรงถึงผู้บริโภคและไม่มีการใช้สื่อมาก แต่ในปัจจุบันการทำตลาดจะเป็นการทำควบคู่กันทั้ง 2 รูปแบบ
พร้อมกันนี้การทำตลาดแบบขายตรงในปัจจุบันพบว่าทิศทางของผู้ประกอบการในตลาดโดยส่วนใหญ่เข้าสู่ยุคที่ให้ความสำคัญกับคอนซูเมอร์มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การขยายจุดจำหน่ายและการค้นหาข้อมูลของตัวแทนขายอิสระอยู่ตลอดเวลา ซึ่งตรงจุดนี้สามารถแก้ไขเรื่องปัญาของการจัดส่งสินค้าที่ในปัจจุบันจุดนี้ถือว่าเป็นจุดด้อยของธุรกิจขายตรง เนื่องจากลูกค้ามักกังวลถึงกระบวนการส่งสินค้าในแต่ละชิ้นที่ได้สั่งไป
ดังนั้นการทำอย่างไรให้กลุ่มลูกค้ามีความมั่นใจและมีความเชื่อมั่นในสินค้าแต่ละแบรนด์มองว่า หัวใจที่สำคัญที่จะประสบความสำเร็จ คือ 1.ผลิตภัณฑ์จะต้องมีประสิทธิ์ภาพที่ดีและมีการพัฒนาโปรดักซ์ พยายามลอนซ์โปร์ดักซ์ใหม่เข้ากระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง 2. ผู้ประกอบการและตัวแทนจำหน่ายอิสระจะต้องเข้าใจถึงตัวโปรดักซ์ในแต่ละไลน์สินค้า และมีการทำตัวอย่าง ทดลองสินค้าให้ลูกค้าดูและสามารถอธิบายได้อย่างละเอียด เช่นเดียวกันทางสมาคมได้เล็งเห็นกลุ่มสินค้า เพอร์ซัลนัลแคร์และโฮมแคร์รวมทั้งกลุ่มเสริมอาหารเริ่มมีการขยายตัวมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามทางสมาคมเชื่อว่าในปีนี้ จากการปรับตัวรวมทั้งแนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจขายตรงในประเทศไทยสามารถโตสวนภาวะเศรษฐกิจเมื่อดูจากตัวเลข 7 เดือนแรก จะส่งต่อให้ปลายปียอดโดยรวมน่าจะโตได้ไม่ต่ำกว่า 10%
|
|
 |
|
|